วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

เดือนห้า บุญสงกรานต์

       การทำบุญในเดือนห้า ซึ่งชาวอีสานในอดีตถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ เมื่อสมัยก่อนชาวอีสานก็ถือเอาเดือนอ้ายเป็นเดือนแรก  ของปีเช่นเดียวกับชาวล้านช้างทั่วไป ต่อมาได้รับเอาอิทธิพลวัฒนธรรมชาวมอญ ชาวเขมร จึงเปลี่ยนมาเป็น เดือน ๕ วันขึ้นปีใหม่ จริงๆ ของชาวลาวจะอยู่ระหว่างเดือน ๕ ขึ้น ๖ ค่ำ ไปถึงเดือน ๖ ขึ้น ๕ ค่ำ จะตกอยู่วันใดวันหนึ่งในช่วงนี้โดยถือเอาการคำนวณ จากอินเดียที่ยึดถือเอาความสั้นยาวของ กลางวัน กลางคืน ชาวอีสานเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรล้านช้าง จึงถือเอาเดือน ๕ เป็นปีใหม่

      การทำบุญตรุษสงกรานต์หรือบุญเดือนห้า ซึ่งพิธีการทำบุญตรุษสงกรานต์ นอกจากจะมีการสรงน้ำพระ แล้ว ยังมีการสรงน้ำหรือรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้เป็นเจ้าบ้านเจ้าเมือง ผู้ที่เป็นผู้ที่สูงชาติกำเนิด ผู้ที่มีอุปการ   ณ เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นการรดน้ำดำหัวเพื่อขอพรให้ลูกหลานได้อยู่ชุ่มกินเย็น นอก จากการสรงน้ำพระและรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว ยังมีการสรงน้ำเครื่องค้ำของคูณต่าง ๆ เช่น คุด เขา นอ งา แข้วหมูตัน จันทคาด เป็นต้น ซึ่งเป็นเครื่องค้ำของคูณเหล่านี้ถ้ามีอยู่บ้านใดเรือนใด จะทำให้เจ้าของนั้นเรีอน อุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวของเงินทอง ในเทศกาลเช่นนี้ให้นำเอาเครื่องค้ำของคูณเหล่านั้นออกมาสรง จะทำให้ผู้ที่่เป็นเจ้าของมีความสุขความเจริญสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยข้าวของเงินทอง

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

ประเพณีทอดกฐิน

              ประเพณีทอดกฐินก็เป็นประเพณีหนึ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ได้มีโอกาสได้ทำบุญและเป็นอีกประเพณีหนึ่งที่คนไทยย้อก็มีโอกาสเหมือนคนทั่วๆไป และเป็นประเพณีที่สำคัญ อีกฤดูการหนึ่ง


แห่บุญกฐิน รอบโบสถ์
วัดภูกำพร้า บ้านมะนาว

              ประเพณีทอดกฐินจะทำในช่วงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน เกี๋ยงเหนือหรือเดือนตุลาคม ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่เหนือ หรือเดือนพฤศจิกายน สมัยโบราณชาวล้านนาไม่นิยมทอดกฐินเนื่องจากว่าจะต้องใช้ปัจจัย (เงิน) ค่อนข้างมาก ผู้ที่จะถวายกฐินได้จะต้องมีฐานะดีและมีความตั้งใจจริง


กองกฐินหรือปัจจัยที่ชาวบ้าน
นำมาทอดกัน

              เมื่อผู้ใดมีความประสงค์จะถวายกฐิน จะต้องจองกฐินที่วัด และบอกแก่ชาวบ้านให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อถึงวันทอดกฐินก็จะมีการแห่กฐินมาทอดที่วัด และในบางวัดจะมีมหรสพในตอนกลางคืนด้วย


วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

บุญออกพรรษา (วันออกพรรษา)

 
               ประเพณีการทำบุญออกพรรษาเป็นประเพณีหนึ่งที่คนไทยขาดหรือลืมไม่ได้ที่จะต้องปฏิบัติตามความเชื่อของคนไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นคนในภาคกลาง ภาคเหนือ หรือภาคอีสานนั้นคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่คนไทยย้อส่วนใหญ่ได้อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเ)้นอีกประเพณีหนึ่งที่คนไทยย้อได้ร่วมทำบุญด้วยมาแต่ก่อนจนถึงปัจจุบัน   
               การทำบูญออกพรรษานี้ เป็นการเปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ได้มีโอกาสว่ากล่าวตักเตือนกันได้ พระภิกษุสงฆ์สามารถเดินทาางไปอบรมศีลธรรม หรือไปเยี่ยม ถามข่าวคราว ญาติพี่น้องได้ และภิกษุสงฆ์สามารถหาผ้ามาผลัดเปลี่ยนได้เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตั้งแต่เช้ามืดจะมีการตีระฆังให้พระสงฆ?ไปรวมกันที่โบสถ์แสดงอาบัติเช้า จบแล้วมีการปวารณา คือเปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ด้วยกันว่ากล่าวตักเตือนกันได้ กำหนดบูญออกพรรษาในเดือน 11

วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

บูญเข้าพรรษา(วันออกพรรษา)

                 วันเข้าพรรษาเป็นอีกประเพณีหนึ่งที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือและปฏิบัติตามคำสอนและเป็นความเชื่อทางพระพุทธสาสนาไม่ว่าจะเป็นคนไทยในภาคไหนก็ล้วนปฏิบัติตามคำสอนไม่ใช่เฉพาะคนไทยย้อที่นับถือศาสนาพุทธ    ซึ่งจะจัดงานทำบุญที่วัดหรือมีการแห่ขบวนเทียนตามหมู่บ้านหรือจังหวัด หรือตามอำเภอต่างๆ
                 การเข้าพรรษานั้นเป็นกิจกรรมของพระสงฆ์โดยเฉพาะ เดิมทีนั้นพระพุทธองค์ยังมิได้บัญญัติพระวินัยเรื่องการเข้าพรรษาของพระสงฆ์ แต่ต่อมาพระภิกษุสงฆ์ที่ออกไปเผยแผ่พระศาสนาในฤดูฝนนั้นได้เหยียบย่ำพืชที่ชาวบ้านปลูกเอาไว้ ทำให้ได้รับความเสียหาย ต่อมาประชาชนได้ไปกราบทูลต่อพระพุทธเจ้า ดังนั้นเพื่อมิให้ประชาชนเดือดร้อน พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติให้พระภิกษุสงฆ์อยู่ประจำพรรษาในฤดูฝนตลอดระยะเวลา 3 เดือน

วันแห่เทียนเข้าพรรษา เทศบาลเมืองมุกดาหาร
ในปี 2557 ที่ผ่านมา


                   ที่สำคัญคือ มีการทำบุญถวายผ้าอาบน้ำฝนแด่พระสงฆ์ ถวายเทียนพรรษาหรือหลอดไฟฟ้าให้แก่วัดต่างๆ โดยเฉพาะวันแรม 1 ค่ำเดือน 8 ซึ่งเป็นวันเข้าพรรษา มีการทำบุญตักบาตร นอกจากนั้นสำหรับผู้ที่มีใจศรัทธาในพระพุทธศาสนามากๆ นั้นอาจจะถือศิล และ ประพฤติในธรรม ละเว้นอบายมุขเป็นเวลาตลอดทั้ง 3 เดือน

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

งานกาชาดและงานรวมเผ่า ไทยมุกดาหาร มะขามหวานชายโขง

              ชาวไทยย้อก็อยู่ในแถบภาคอีสานและมีกลุ่มไทยย้อส่วนมากที่อาศัยอยู่ในเขตบริเวณจังหวัดมุกดาหารและพื้นที่บริเวณใกล้เคียงในปัจจุบัน และเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมงานกาชาดที่จังหวัดมุกดาหารที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำของทุกปี


งานกาชาด จังหวัดมุกดาหาร 2558

                  ระหว่างวันที่ 9-15 มกราคม ทุกปีจังหวัดมุกดาหารเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงตรงข้ามกับแขวงสวันเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวจึงมีชาวไทยเผ่าต่างๆ อาศัยอยู่หลายเผ่า อาทิ ผู้ไท โซ่ ย้อ ข่า  กะเลิง กุลา ซึ่งแต่ละเผ่าล้วนแล้วแต่มีวิถี มีเอกลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมของตนเอง นอกจากนี้มุกดาหารยังเป็นแหล่งกำเนิดมะขามหวานพันธุ์ดีที่มีชื่อเสียงโด่ง ดังมานานหากแต่ยังขาดการส่งเสริมในด้านการตลาด ดังนั้นเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ของดีของท้องถิ่นและส่งเสริมการเดินทาง ท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร จึงได้จัดงานรวมเผ่าไทยมุกดาหารมะขามหวานชายโขง ขึ้นเป็นประจำทุกปีระหว่างวันที่ 9-15 มกราคม รวม 7 วัน 7 คืนโดยงานจะจัดขึ้นบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด กิจกรรมระหว่างงานมีขบวนแห่ ซึ่งใช้ผู้ฟ้อนนับร้อยคนแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่า มีการประกวดมะขามหวาน การประกวดธิดาเผ่าไทยการออกร้านของหน่วยงานต่างๆ และการแสดงพื้นเมือง เป็นต้น

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

บุญข้าวสาก(บุญเดือน 10 )

                      งานบุญข้าวสากหรือข้าวสลาก (สลากภัต) คือ การทำบุญอุทิศส่วนกุสลไปให้กับเปรต ซึ่งงานบุญข้าวสากกับงานบุญข้าวประดับดินในเดือน 9 จะมีความคล้ายคลึงกัน นั่นคือ เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเปรตและผู้ล่วงลับไปแล้ว




ก่อนถึงวันงานชาวบ้านจะเตรียมการห่อข้าวสาก
เช่น ข้าว ถั่ว กอย หรือมันแกว


            “สำหรับบุญข้าวสากในปัจจุบัน จะกระทำในวันขึ้น 15 ค้ำ เดือน 10 โดยชาวบ้านจะนำอาหารคาวหวานใส่บาตรพอถึงตอนเพลชาวบ้านจะจัดสำรับกับข้าวและเครื่องไทยทาน นำไปถวายพระโดยเขียนสลากบอกชื่อเจ้าของสำหรับแล้วใส่ลงบาตร และนิมนต์ให้พระสงฆ์และสามเณรรูปใดจับสลากเป็นชื่อของใครคนนั้นก็จะนำสำรับกับข้าวไปถวายพระสงฆ์หรือสามเณรรูปนั้น

วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558

ประเพณีแห่ประสาทผึ้ง

      ความเชื่อเรื่องการแห่ปราสาทผึ้ง คนไทยย้อก็มีความเชื่อในเรื่องนี้สืบต่อกันมาแต่ช้านาน เกี่ยวเนื่องกับพิธีกรรมทางพุทธศาสนา โดยเริ่ม พิธีกรรมนี้ ในภาคอีสาน ตั้งแต่เมื่อใดนั้นไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ในตำนาน เรื่องหนองหาน (สกลนคร) กล่าวไว้ว่า ในสมัยขอมเรืองอำนาจ และครองเมืองหนองหานในแผ่นดินพระเจ้าสุวรรณภิงคาราช  ได้โปรดให้ ข้าราชบริพารทำต้นผึ้งหรือปราสาทผึ้งในวันออกพรรษา เพื่อให้ครบวันที่วัดเชิงชุม (วัดมหาธาตุเชิงชุมวรวิหาร) จากนั้นเมืองหนองหานได้จัดวันปราสาทผึ้ง ติดต่อกันมาทุกปี